简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือน หลังราคาทองคำพุ่ง
บทคัดย่อ:ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องแตะ 33.12 บาทต่อดอลลาร์ จากแรงหนุนราคาทองคำพุ่งและภาวะตลาดโลกปิดรับความเสี่ยง นักลงทุนจับตานโยบายเฟด-ECB และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญทั่วโลก ขณะที่แนะนำให้ใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวน.

เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดแตะระดับ 33.12 บาทต่อดอลลาร์ ถือเป็นระดับที่แข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือน โดยมีแรงหนุนหลักจากราคาทองคำที่พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ ขณะที่ตลาดการเงินทั่วโลกยังอยู่ในโหมด “ปิดรับความเสี่ยง” (Risk-Off) จากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ซึ่งอาจกดดันเศรษฐกิจโลกในระยะถัดไป
แอดเหยี่ยวสรุปภาพรวมจาก Krungthai GLOBAL MARKETS
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินและตลาดทุนจาก Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้ (17 เม.ย.) เปิดตลาดที่ระดับ 33.12 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 33.23 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดกรอบการเคลื่อนไหวในวันนี้จะอยู่ที่ 33.00-33.25 บาทต่อดอลลาร์
การแข็งค่าของเงินบาทเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา หลังทะลุแนวรับสำคัญที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแรงหนุนสำคัญจากกระแสเงินทุนขายทำกำไรทองคำ ซึ่งเกิดขึ้นหลังราคาทองคำ (XAUUSD) พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และท่าทีแข็งกร้าวด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มระดับความไม่แน่นอนในตลาดโลก
เฟดยังไม่เร่งลดดอกเบี้ย ขัดแย้งกับมุมมองตลาด
แม้ภาวะตลาดจะบ่งชี้ถึงความต้องการลดดอกเบี้ย แต่เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ยังคงเน้นย้ำว่าธนาคารกลางจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบ สะท้อนว่าเฟดยังไม่รีบลดดอกเบี้ยในระยะสั้น ขณะที่ผู้เล่นในตลาดประเมินโอกาสมากถึง 63% ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งภายในปีนี้
นอกจากราคาทองคำ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ หลังตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดแสดงภาพผสมผสาน โดยยอดค้าปลีกเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น +1.4% ซึ่งดีกว่าคาด แต่ยอดผลผลิตอุตสาหกรรมกลับหดตัว -0.3% ทำให้ตลาดยังไม่เชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างชัดเจน
จับตา 24 ชั่วโมงข้างหน้า: ECB – ข้อมูลเศรษฐกิจ – และ CPI ญี่ปุ่น
ตลาดกำลังจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในคืนนี้ ซึ่งคาดกันว่า ECB จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.25% ท่ามกลางความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้าสหรัฐฯ และภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวในยูโรโซน โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธาน ECB จะถูกวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยถัดไป
ในฝั่งสหรัฐฯ ตลาดรอติดตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (Jobless Claims) และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดเพิ่มเติม เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่ฝั่งเอเชีย ต้องจับตารายงานเงินเฟ้อ CPI ของญี่ปุ่นประจำเดือนมีนาคมในช่วงเช้าของวันศุกร์ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่อาจมีผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
แนวโน้มเงินบาท: ยังมีลุ้นแข็งค่าต่อ หากทองคำยังวิ่ง
แอดเหยี่ยวมองว่า การแข็งค่าของเงินบาทรอบนี้เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยเฉพาะแรงขายทำกำไรทองคำ และการที่ผู้เล่นในตลาดเร่งปิดสถานะ Short THB (ที่คาดเงินบาทอ่อน) จากที่ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายประเมินผิดทิศทาง
หากราคาทองคำยังสามารถยืนระยะหรือพุ่งต่อได้ มีโอกาสสูงที่เงินบาทจะแข็งค่าทะลุแนวรับสำคัญ 32.90-33.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ในระยะใกล้
เริ่มเห็นสัญญาณรีบาวด์ของดอลลาร์
แม้เงินบาทจะแข็งค่าต่อ แต่ก็เริ่มมีสัญญาณการรีบาวด์ของดอลลาร์สหรัฐฯ หลังตลาดมีมุมมองเชิงลบต่อดอลลาร์มากเกินไป อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของดอลลาร์อาจยังจำกัด เนื่องจากความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงกดดันอยู่
สินทรัพย์เสี่ยงเอเชียอาจเผชิญแรงขาย ขณะทองคำเริ่มเสี่ยงพักฐาน
ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยง สินทรัพย์ฝั่งเอเชียรวมถึงหุ้นไทยอาจเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ หากความกังวลยังไม่คลี่คลาย นอกจากนี้ การปรับขึ้นของราคาทองคำในลักษณะ Parabolic Rise เริ่มแสดงสัญญาณว่าอาจเข้าสู่ช่วงพักฐาน
จากสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2000 พบว่า เมื่อราคาทองคำปรับขึ้นรุนแรงในลักษณะนี้ มักมีโอกาสปรับฐานลงเฉลี่ย -12% หากเกิดขึ้นจริง อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่ากลับลงมาได้ราว 1 บาทต่อดอลลาร์
กลยุทธ์รับมือความผันผวน: ใช้เครื่องมือปิดความเสี่ยง
แอดเหยี่ยวแนะนำว่า ในภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงเช่นนี้ โดยเฉพาะในปีที่ต้องเผชิญกับ “Trumps Uncertainty” การบริหารความเสี่ยงควรทำอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมืออย่าง Options หรือกระจายการถือครองในสกุลเงินท้องถิ่น เพื่อช่วยป้องกันความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก THE STANDARD WEALTH
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

Copy Trade คือทางลัดหรือกับดัก? ถ้าสนใจแต่ยังไม่แน่ใจต้องอ่าน
Forex Copy Trade เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้นักลงทุน โดยเฉพาะมือใหม่ สามารถคัดลอกการเทรดของผู้เชี่ยวชาญแบบอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการวิเคราะห์ตลาด แต่แม้จะมีข้อดี เช่น ใช้งานง่าย เลือกความเสี่ยงได้ และเรียนรู้จากนักเทรดมืออาชีพ ระบบนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ผลงานในอดีตไม่การันตีอนาคต ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมออเดอร์เอง และความเสี่ยงจากการบริหารเงินทุนของนักเทรดที่เลือก ดังนั้น การเลือกนักเทรดที่มีประวัติยาว การบริหารความเสี่ยงดี และผลลัพธ์สม่ำเสมอ ถือเป็นปัจจัยหลักในการใช้ Copy Trade ให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ระยะยาว

เทรดเยอะได้คืนเยอะ! ความจริงเกี่ยวกับระบบ Forex Cashback ที่หลายคนยังไม่รู้
บทความนี้อธิบายความสำคัญของ Forex Cashback ในยุคที่การแข่งขันของโบรกเกอร์สูงขึ้น โดยชี้ให้เห็นว่าเงินคืนจากค่า Spread และ Commission สามารถลดต้นทุนการเทรดได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เทรดถี่หรือใช้ EA ซึ่งมีปริมาณการเทรดสูง ระบบ Cashback ทำงานผ่านการคืนส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมต่อจำนวนล็อตที่เทรด ทำให้เทรดเดอร์ได้รับผลประโยชน์ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน พร้อมวิเคราะห์ข้อดี ข้อควรระวัง วิธีเลือกผู้ให้บริการที่ปลอดภัย และแนวทางใช้ Cashback ให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด โดยสรุปแล้ว Forex Cashback เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดโดยไม่เพิ่มความเสี่ยง และเป็นโอกาสที่เทรดเดอร์ไม่ควรมองข้าม

ไทยติดอันดับ 1 ความเสียหายจากการฉ้อโกงในเอเชียแปซิฟิก นักเทรดเองก็เสี่ยงนะ
บทความนี้กล่าวถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในยุคดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะนักเทรด Forex ที่ต้องทำธุรกรรมออนไลน์เป็นประจำ ท่ามกลางภัยฉ้อโกงรูปแบบใหม่ที่พัฒนาด้วย AI เช่น ข้อความปลอม ลิงก์ปลอม และการหลอกให้กดยืนยันธุรกรรมเอง ซึ่งเป็นสาเหตุความเสียหายมหาศาลในประเทศไทย ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าจุดอ่อนสำคัญคือ “ผู้ใช้” ไม่ใช่ระบบ จึงเน้นย้ำว่านักเทรดต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูล การตรวจสอบความถูกต้องของช่องทางต่าง ๆ และตระหนักว่าในโลกออนไลน์ ความอยู่รอดสำคัญไม่แพ้ความสามารถในการเทรด.

ไม่รู้ไม่ได้! 5 ตัวเลือก Platform Trading ที่นักเทรดทุกคนต้องเช็ก
บทความนี้อธิบายความสำคัญของ Platform Trading สำหรับนักเทรด Forex ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการเปิด–ปิดออร์เดอร์ วิเคราะห์กราฟ และบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสรุปฟีเจอร์ที่แพลตฟอร์มที่ดีควรมี ประเภทของแพลตฟอร์มทั้งเชิงพาณิชย์และเฉพาะสถาบัน รวมถึงปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้งาน เช่น ฟีเจอร์ ค่าธรรมเนียม และความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ โดยยกตัวอย่างแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MT4/MT5, cTrader และ NinjaTrader เพื่อช่วยให้นักเทรดเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับกลยุทธ์และรูปแบบการเทรดของตนเอง.
WikiFX โบรกเกอร์
EC markets
FXCM
JustMarkets
VT Markets
Exness
GTCFX
EC markets
FXCM
JustMarkets
VT Markets
Exness
GTCFX
WikiFX โบรกเกอร์
EC markets
FXCM
JustMarkets
VT Markets
Exness
GTCFX
EC markets
FXCM
JustMarkets
VT Markets
Exness
GTCFX
