简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
เลิกได้มีสิทธิ์รวย! 4 นิสัย ใช้เงินแบบผิด ๆ ถ้าอยากมีเงินเก็บต้องเลิกด่วน
บทคัดย่อ:เลิกได้มีสิทธิ์รวย! 4 นิสัย ใช้เงินแบบผิด ๆ ถ้าอยากมีเงินเก็บต้องเลิกด่วน

เรื่องหาเงินเก่งนี่ไม่ต้องมาถาม แต่ถ้าเรื่องใช้เงินเก่ง พวกเราคือที่สุด !!! วันนี้แอดเหยี่ยวเลยจะหยิบนิสัยการใช้เงินแบบผิด ๆ ที่อยากให้คุณรีบแก้ไข ไม่งั้นอาจติดจนกลายเป็นนิสัยจนแก้ไม่ทันก็ได้นะ จะมีอะไรบ้างมาดูกัน...
1. การยืมเงินในอนาคตมาใช้เมื่อไม่จำเป็น
คุณอาจจำเป็นต้องใช้เงินเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน เช่น รถเสียข้างถนน คุณจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อรู้ว่ามีสินเชื่อออนไลน์ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ แต่ข้อเสียก็คือมีอัตราดอกเบี้ยสูง ดอกเบี้ยในส่วนนี้จะถูกคิดตั้งแต่วันที่กดเบิกถอน ไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย หากไม่สามารถชำระหนี้แบบเต็มจำนวน โดยเลือกจ่ายขั้นต่ำหรือเลือกจ่ายบางส่วนจะมีค่าดอกเบี้ยสำหรับยอดเงินค้างชำระรวมถึงการชำระล่าช้าเกินเวลาที่กำหนดจะมีค่าติดตามทวงหนี้ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย และถ้าหากควบคุมไม่ได้อาจสร้างปัญหาให้กับเราในระยะยาว ดังนั้น ก่อนเริ่มใช้อย่าลืมวางแผนที่จะชำระเงินคืนกันก่อนนะ
2. อยู่โดยไม่มีเงินเก็บ
ลองสำรวจเงินฝากในบัญชี หรือเงินที่ตัวเองนำไปลงทุนในช่องทางต่าง ๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม พันธบัตรรัฐบาล รวมถึงเงินที่เก็บในรูปกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สหกรณ์ ว่ารวมกันแล้วมีอยู่เท่าไหร่ หากอายุ 23 ปี เพิ่งเริ่มต้นวัยทำงาน เงินเก็บออมอาจจะมีไม่มาก แต่หากอยู่ในวัย 40 หรือกำลังจะเกษียณอีก 10 ปีข้างหน้า ให้หันกลับถามตัวเองว่าที่ผ่านมา เงินที่หามาได้หายไปไหนหมด คำตอบที่ได้คงหนีไม่พ้น “ใช้จนเพลิน” เลยไม่มีเงินเก็บ หรือบางคนเก็บเงินแต่เก็บได้นิดเดียว เพราะที่ผ่านมา “ใช้แบบเกินตัว” สำหรับมนุษย์เงินเดือน เรื่องหนึ่งที่ต้องปฏิบัติทุก ๆ เดือน หลังเงินเดือนถูกโอนเข้าบัญชีได้ไม่กี่ ชั่วโมง ก็คือ การแบ่งเงินบางส่วน อย่างน้อยก็ 15% ของเงินเดือนหรือแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละคน เพื่อใช้ยามฉุกเฉิน เพื่อใช้สร้างครอบครัว และเพื่อวัยเกษียณ
3. การชำระเงินขั้นต่ำ
การชำระเงินขั้นต่ำในวงเงินเครดิตอาจดูเหมือนใจดี และในเดือนที่ไม่ไหวจริง ๆ การจ่ายขั้นต่ำก็ช่วยให้บัญชีของคุณอยู่ในสถานะที่ดีโดยไม่จำเป็นต้องชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคุณ แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละธนาคาร และสถาบันการเงินเจ้าของบัตรจะมีการกำหนดเปอร์เซ็นต์การชำระขั้นต่ำเอาไว้ เช่น 3%, 5%, หรือ 10% ของยอดค่าใช้จ่ายในรอบบิลเดือนนั้น ๆ รวมถึงกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งผลลัพธ์ของการจ่ายขั้นต่ำอาจทำให้ถูกยกเลิกระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย และถูกคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตเป็นรายวันสำหรับการใช้จ่ายในแต่ละรายการได้ โดยจะคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือเป็นรายวันไปจนกว่าจะครบรอบบิลอีกครั้ง หรืออธิบายง่าย ๆ คือ การคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะมี 2 ขั้น หากคุณจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ
ขั้นที่ 1 คิดอัตราดอกเบี้ยจากรายการที่เกิดขึ้นทั้งหมด คำนวณโดยใช้สูตร
จำนวนเงินต้นของสินค้าที่ค้างชำระ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันที่ค้างชำระ ÷ 365 = จำนวนดอกเบี้ยในขั้นที่ 1
ขั้นที่ 2 คิดอัตราดอกเบี้ยจากเงินคงเหลือหลังจากที่ทำการจ่ายขั้นที่ 1 ไปแล้ว คำนวณโดยใช้สูตร
(จำนวนเงินต้นของสินค้าที่ต้องชำระ – จำนวนเงินขั้นต่ำที่ชำระไปแล้ว) x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันที่ค้างชำระ ÷ 365 = จำนวนดอกเบี้ยในขั้นที่ 2
เมื่อนำดอกเบี้ยขั้นที่ 1 + ดอกเบี้ยขั้นที่ 2 จะกลายเป็นจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งหากมีการชำระขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ ในทุกรอบบิล และดอกเบี้ยรายวันก็จะถูกคิดไปเรื่อย ๆ ซึ่งหากมีการใช้จ่ายเพิ่ม ยอดค่าใช้จ่ายก็จะถูกคำนวณทบเข้าไปอีกจากยอดที่ต้องชำระเดิม ทำให้เรามีหนี้ไม่รู้จบ
4. ไม่คิดลงทุน
การไม่ลงทุนเลย เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะการลงทุนช่วยให้สินทรัพย์และทรัพย์สินของเราเติบโตต่อไปได้ ดังนั้นสินทรัพย์ของเราสามารถต่อสู้ กับอัตราเงินเฟ้อได้ แถมยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินนอกเหนือจากเงินเดือนของคุณ แถมการลงทุนบางประเภท ยังใช้สำหรับลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย แต่ก่อนที่จะลงทุนควรวางแผนให้ดีก่อน เพราะถ้าวางแผนผิดชีวิตอาจเปลี่ยนได้ พร้อมทั้งศึกษาหาข้อมูลการลงทุนให้ดีและรอบคอบก่อนคุณจะลงเงินจริง เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
ดังนั้นนอกจากใช้เงินให้เป็นแล้ว ยังต้องคิดเรื่องลงทุนไว้ด้วยนะ หากคนไหนที่สนใจเรื่องการลงทุน โดยเฉพาะการเก็งกำไรในตลาดการเงินอย่าง Forex ก็ต้องไม่พลาดที่จะดาวน์โหลดแอป WikiFX ติดมือถือไว้ด้วยนะ แอดเหยี่ยวหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และที่สำคัญก่อนที่จะเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ไหนก็ตาม แอดอยากให้ศึกษารายละเอียดให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง ถือว่าแอดเตือนแล้วนะ!!! ที่สำคัญอย่าลืมมาตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี !

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

Copy Trade คือทางลัดหรือกับดัก? ถ้าสนใจแต่ยังไม่แน่ใจต้องอ่าน
Forex Copy Trade เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้นักลงทุน โดยเฉพาะมือใหม่ สามารถคัดลอกการเทรดของผู้เชี่ยวชาญแบบอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการวิเคราะห์ตลาด แต่แม้จะมีข้อดี เช่น ใช้งานง่าย เลือกความเสี่ยงได้ และเรียนรู้จากนักเทรดมืออาชีพ ระบบนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ผลงานในอดีตไม่การันตีอนาคต ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมออเดอร์เอง และความเสี่ยงจากการบริหารเงินทุนของนักเทรดที่เลือก ดังนั้น การเลือกนักเทรดที่มีประวัติยาว การบริหารความเสี่ยงดี และผลลัพธ์สม่ำเสมอ ถือเป็นปัจจัยหลักในการใช้ Copy Trade ให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ระยะยาว

เทรดเยอะได้คืนเยอะ! ความจริงเกี่ยวกับระบบ Forex Cashback ที่หลายคนยังไม่รู้
บทความนี้อธิบายความสำคัญของ Forex Cashback ในยุคที่การแข่งขันของโบรกเกอร์สูงขึ้น โดยชี้ให้เห็นว่าเงินคืนจากค่า Spread และ Commission สามารถลดต้นทุนการเทรดได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เทรดถี่หรือใช้ EA ซึ่งมีปริมาณการเทรดสูง ระบบ Cashback ทำงานผ่านการคืนส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมต่อจำนวนล็อตที่เทรด ทำให้เทรดเดอร์ได้รับผลประโยชน์ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน พร้อมวิเคราะห์ข้อดี ข้อควรระวัง วิธีเลือกผู้ให้บริการที่ปลอดภัย และแนวทางใช้ Cashback ให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด โดยสรุปแล้ว Forex Cashback เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดโดยไม่เพิ่มความเสี่ยง และเป็นโอกาสที่เทรดเดอร์ไม่ควรมองข้าม

ไทยติดอันดับ 1 ความเสียหายจากการฉ้อโกงในเอเชียแปซิฟิก นักเทรดเองก็เสี่ยงนะ
บทความนี้กล่าวถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในยุคดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะนักเทรด Forex ที่ต้องทำธุรกรรมออนไลน์เป็นประจำ ท่ามกลางภัยฉ้อโกงรูปแบบใหม่ที่พัฒนาด้วย AI เช่น ข้อความปลอม ลิงก์ปลอม และการหลอกให้กดยืนยันธุรกรรมเอง ซึ่งเป็นสาเหตุความเสียหายมหาศาลในประเทศไทย ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าจุดอ่อนสำคัญคือ “ผู้ใช้” ไม่ใช่ระบบ จึงเน้นย้ำว่านักเทรดต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูล การตรวจสอบความถูกต้องของช่องทางต่าง ๆ และตระหนักว่าในโลกออนไลน์ ความอยู่รอดสำคัญไม่แพ้ความสามารถในการเทรด.

ไม่รู้ไม่ได้! 5 ตัวเลือก Platform Trading ที่นักเทรดทุกคนต้องเช็ก
บทความนี้อธิบายความสำคัญของ Platform Trading สำหรับนักเทรด Forex ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการเปิด–ปิดออร์เดอร์ วิเคราะห์กราฟ และบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสรุปฟีเจอร์ที่แพลตฟอร์มที่ดีควรมี ประเภทของแพลตฟอร์มทั้งเชิงพาณิชย์และเฉพาะสถาบัน รวมถึงปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้งาน เช่น ฟีเจอร์ ค่าธรรมเนียม และความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ โดยยกตัวอย่างแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MT4/MT5, cTrader และ NinjaTrader เพื่อช่วยให้นักเทรดเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับกลยุทธ์และรูปแบบการเทรดของตนเอง.
WikiFX โบรกเกอร์
Plus500
FXCM
Vantage
XM
JustMarkets
STARTRADER
Plus500
FXCM
Vantage
XM
JustMarkets
STARTRADER
WikiFX โบรกเกอร์
Plus500
FXCM
Vantage
XM
JustMarkets
STARTRADER
Plus500
FXCM
Vantage
XM
JustMarkets
STARTRADER
